About

Meo แมวเปอร์เซีย 1.5 kg. - คลิกที่นี่เพื่อดูรูปภาพใหญ่




 

  

Meo แมวเปอร์เซีย 1.5 kg.

รหัสสินค้า: 001688
ราคา 115.00 บาท
รายละเอียด: อาหารสำเร็จรูปชนิดเม็ด มีโอเปอร์เซีย มีคุณค่าทางสารอาหารครบถ้วนตามความต้องการของแมวเปอร์เซีย คัดสรรส่วนผสมที่มีคุณภาพดีที่สุดในการผลิตอาหารเพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงของแมว


สูตรป้องกันก้อนขนอุดตัน
แมวเปอร์เซียเป็นแมวที่มีขนยาว เวลาเขาเลียขนทำความสะอาดตัวเองอาจจะมีปัญหาการกลืนขนเข้าไปและเกิดก้อนขนอุดตันทางเดินอาหาร อาหารแมวมีโอ เปอร์เซียเป็นอาหารที่ช่วยลดการเกิดปัญหาดังกล่าวได้ เมื่อแมวได้รับประทานอาหารแมวมีโอ เปอร์เซีย ก้อนขนที่อุดตันทางเดินอาหารของแมว จะถูกขับออกมาพร้อมกับมูลในระหว่างการขับถ่าย จึงไม่ก่อให้เกิดปัญหาใดๆต่อระบบทางเดินอาหารของแมว

ดวงตาสดใส ไม่พร่ามัว
อาหารแมวมีโอ เปอร์เซีย เป็นอาหารแมวที่มีส่วนผสมของกรดอะมิโน ทอรีน ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นของแมวให้คมชัด สดใส

ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยอาหาร
อาหารแมวมีโอ เปอร์เซีย มีส่วนผสมของเยื่อใยที่ช่วยทำให้ระบบการย่อยอาหารของแมวดีขึ้น


สูตรป้องกันการเกิดนิ่ว
อาหารแมวมีโอ เปอร์เซีย ได้พัฒนาสูตรอาหารที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในแมว (Feline Lower Urinary Tract Disease)

อาหารแมว

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แมวกำลังกินอาหารแมว
อาหารแมว คืออาหารที่ผลิตหรือปรุงแต่งขึ้นให้แมวกิน ถึงแม้แมวจะเป็นสัตว์กินเนื้อประเภทหนึ่ง แต่อาหารแมวที่มีขายในท้องตลาดก็มีทั้งส่วนผสมของเนื้อสัตว์และพืช เพื่อเพิ่มวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารอื่นๆ การให้อาหารแมวอย่างถูกวิธีคือการให้อาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน และอยู่ในอัตราส่วนปริมาณที่พอเหมาะไม่มากหรือน้อยเกินไป

 

 สารอาหารหลักที่แมวต้องการ

 โปรตีน

มีอยู่ในเนื้อสัตว์ เนื้อปลาและถั่วต่าง ๆ แมวนำประโยชน์ของโปรตีนแต่ละชนิดไปใช้ได้มากน้อยต่างกัน โปรตีนมีความสำคัญต่อแมวเกี่ยวกับการเจริญเติบโต การสร้างแอนติบอดีสำหรับป้องกันเชื้อโรค ซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทำให้ขนงอก ตลอดจนสร้างเอนไซน์ต่าง ๆ เป็นต้น ลูกแมวที่กำลังเติบโตต้องการโปรตีนไม่น้อยกว่า 30 % ถ้าแมวได้รับอาหารที่มีโปรตีนต่ำกว่า 18 % จะเบี่ออาหาร

 คาร์โบไฮเดรต

แมวต้องการคาร์โบไฮเดรตซึ่งมีอยู่ในน้ำตาล แป้งและข้าวต่าง ๆ เพื่อเป็นกำลังในการเจริญเติบโต การผลิตน้ำนมและการทำงาน ความต้องการพลังงานของแมวขึ้นอยู่กับกิจกรรมของแมว เช่น แมวที่เคลื่อนไหว ทำงานวิ่งเล่น ย่อมต้องการพลังงานมากกว่าแมวที่นอนอยู่เฉยๆ

 ไขมัน

แมวต้องการไขมันสำหรับกำลังงานหรือแคลอรี่ประมาณ 8 % ไขมันให้กำลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรต 2 เท่าและไขมันยังมีกรดไขมันซึ่งมีความสำคัญต่อโภชนาการและการเจริญตามปกติของแมว แมวขาดกรดไขมันจะทำให้ผิวหนังแห้งและเจริญเติบโตช้า ถ้ามีไม่เพียงพอก่อให้เกิดอาการของโรคขึ้น นอกจากนี้ไขมันยังให้พลังงานเพื่อการเจริญเติบโตตลอดจนการต่อสู้ต่อความเครียด ความหนาว และถ้าขาดมากเกินไปอาจจะทำให้ตายได้

 วิตามิน

วิตามิน หมายถึง สารจำนวนน้อยที่สำคัญต่อชีวิต ดังนั้นการให้วิตามินมากเกินไปจึงไม่จำเป็นและมีโทษด้วยวิตามินมีอยู่หลายชนิด ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตและช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ อาหารแต่ละอย่างจะให้วิตามินแต่ละชนิดมากน้อยต่างกัน เช่น
วิตามินเอ ช่วยในการต้านทานโรค มีในเนื้อสัตว์ ตับ ไข่แดง น้ำมันตับปลา
วิตามินบี ควบคุมความสมบูรณ์ ให้กับผิวหนัง ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย ป้องกันโรคทางประสาท มีในไข่แดง นม ตับ
วิตามินซี ช่วยบำรุงรักษาผิวหนังและขน แก้โรคลักปิดลักเปิด มีในพืชผักผลไม้
วิตามินดี ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกายและกระดูก มีในน้ำมันตับปลา วิตามินดีที่มีมากและเพียงพอจะช่วยทำให้ธาตุแคลเซียมหรือฟอสฟอรัสที่ไม่ได้อัตราส่วนนั้นถูกนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้มากขึ้น
วิตามินอี มีความจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต การสืบพันธุ์และการผลิตน้ำนม ดังนั้นจึงควรให้วิตามินเหล่านี้แก่แมว โดยเฉพาะลูกแมว

 แร่ธาตุ

มีอยู่หลายชนิดด้วยกัน ช่วยในการสร้างกระดูก ฟัน และเลือด ช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ อาหารแต่ละอย่างก็ให้แร่ธาตุแต่ละชนิดมากน้อยต่างกัน แร่ธาตุที่สำคัญ คือ แคลเซียมและฟอสฟอรัส เป็นแร่ธาตุที่ช่วยเสริมให้กระดูกแข็งแรง ถ้าขาดไปจะทำให้แมวเป็นโรคกระดูกอ่อนโค้งงอ

 ชนิดของอาหารแมว

การเลี้ยงแมวตามบ้านส่วนใหญ่ของคนไทย ผู้เลี้ยงมักเลี้ยงแมวด้วยอาหารที่ปรุงขึ้นเองในครัว เช่น ข้าวคลุกปลาหรือไข่ต้มหรือน้ำแกงจืด ซึ่งแมวก็อยู่ได้ แต่ถ้าต้องการเลี้ยงอย่างดีเป็นพิเศษ ในบางครั้งอาจมีการเสริมอาหารประเภทเนื้อ นม เสริมให้กิน
สำหรับชนิดของอาหารแมวนั้น สามารถแบ่งออกได้ 3-4 ประเภท ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่สามารถซื้อหามาปรุงเอง อาหารสดหรืออาหารสำเร็จรูป ซึ่งอาหารเหล่านี้มีความแตกต่างกันไปในแง่ของรสชาด คุณภาพ ราคาและคุณค่าของอาหาร ซึ่งผู้เลี้ยงสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม

 อาหารปรุงเอง

การปรุงอาหารขึ้นเองนั้นเป็นเรื่องปกติสำหรับการเลี้ยวแมวทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าต้องการให้อาหารถูกส่วนถูกกับความต้องการของแมวควรปรุงให้ตรงตามสูตร อีกทั้งยังต้องมีความเข้าใจถึงหลักโภชนาการมาก่อน เพราะเป็นการปรุงอาหารให้ตรงตามที่แมวต้องการเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยากและค่อนข้างละเอียด ผู้เลี้ยงควรคำนวณทั้งอัตราส่วนและปริมาณของสารอาหารที่เหมาะสมตรงตามความต้องการของแมวในแต่ละวัย นอกจากนี้อาหารที่ปรุงเองจะมีรสชาดที่ไม่แน่นอน เช่น เค็ม หรือหวาน ซึ่งอาจไม่ถูกปากแมว บางครั้งอาหารอาจจะมีไขมันมากเกินไป ถ้าใส่ข้าวมากก็จะขาดวิตามิน ถ้าใส่เนื้อมากเกินไปก็จะได้รับโปรตีนเกินความจำเป็นส่งผลทำให้ย่อยยากกระเพาะต้องทำงานหนัก สิ่งเหล่านี้ต้องคำนึง

 อาหารสด

เป็นอาหารผสมเสร็จ หาชื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ราคาจะถูกกว่าอาหารสำเร็จรูปชนิดอื่นเล็กน้อย แต่มีข้อเสียคือต้องเก็บไว้ในช่องแช่แข็งตลอดเวลาเพราะเป็นอาหารสดจึงเสียง่าย ต้องซื้อบ่อย ๆ อาหารสดผสมเสร็จนี้บางชนิดก็มีคุณค่าทางอาหารครบ แต่บางชนิดก็มีไม่ครบ และนอกจากนี้อาหารผสมเสร็จยังมีคุณค่าทางอาหารน้อยกว่าอาหารสำเร็จ ก่อนนำมาให้แมวต้องปรุงให้สุกเสียก่อน

 อาหารสำเร็จรูป

อาหารแมวแบบแบ่งขาย
เป็นอาหารแมวที่มีจำหน่ายอย่างแพร่หลายทั่วไป โดยทั่วไปแล้วก็เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน ไม่ต้องกังวลเรื่องสัดส่วนอาหารเหมือนอาหารปรุงเองหรืออาหารสด อาหารสำเร็จรูปมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ แบบเป็นเม็ดและแบบเปียก

อาหารแบบเม็ด

ตัวอย่างอาหารแบบแห้ง
(อาหารเม็ด)
อาหารแมวแบบเป็นเม็ด หรือ อาหารแห้ง จะมีลักษณะเป็นเม็ดส่วนใหญ่มักมีลักษณะเป็นเม็ดกลม ๆ ประกอบด้วยธาตุอาหารและวิตามินแร่ธาตุต่าง ๆ ที่แมวต้องการอย่างเหมาะสม ส่วนประกอบของอาหารเม็ดโดยมากมาจากเนื้อสัตว์ ซึ่งได้ผ่านกระบวนการแปรรูป เช่น การบดและอบแห้ง มีคุณค่าของโปรตีนประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของแมวในการนำไปใช้สร้างความเจริญเติบโต นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบของไขมันที่ช่วยสร้างพลังงานและความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย มีวิตามินที่ช่วยให้แมวมันมีขนยาวสวยได้ ที่พิเศษคือมีไฟเบอร์ที่จะช่วยให้แมวท้องไม่ผูก นอกจากนี้อาหารแห้งยังมีประโยชน์ช่วยขัดฟันของแมวให้สะอาด เพราะเป็นเม็ดกรอบและการเคี้ยวอาหารแห้งก็เป็นการบริหารเหงือกให้แข็งแรงได้อีกด้วย
การให้แมวกินอาหารเม็ด ควรหัดให้กินตั้งแต่แมวยังเล็ก ๆ หลังอย่านมใหม่ ๆ หรือประมาณ 2 เดือน โดยผสมอาหารแห้งในน้ำนม เมื่อโตได้ประมาณ 3 เดือนจึงให้กินอาหารแห้งเพียงอย่างเดียว สำหรับแมวที่ไม่เคยกินอาหารแห้งมาก่อน การเปลี่ยนมาให้กินอาหารแห้งโดยฉับพลันอาจทำให้แมวท้องเสียได้ เพราะระบบย่อยของแมวนั้นอ่อนไหวและผิดปกติได้ง่ายมาก ฉะนั้นการให้อาหารแมวจึงต้องค่อย ๆ เปลี่ยนโดยสามารถนำอาหารเม็ดมาคลุกผสมกับอาหารเดิมที่แมวเคยกินที่ละน้อย หรืออาจผสมเข้ากับน้ำ นม หรือน้ำแกง เพื่อให้อาหารเม็ดนิ่มขึ้น เมื่อแมวเริ่มชินแล้วจึงเปลี่ยนมาเป็นอาหารเม็ดเพียงอย่างเดียว
สิ่งที่ควรคำนึงสำหรับการเลี้ยงแมวด้วยอาหารแบบเม็ด คือ ควรจะมีถ้วยใส่น้ำสะอาดตั้งไว้ข้างชามอาหารเพื่อให้แมวกิน เพราะว่าอาหารแห้งนั้นมีน้ำเป็นส่วนประกอบไม่เกิน 10 เปอร์เซนต์เท่านั้น เมื่อแมวกินอาหารแห้งจะกลืนไม่ค่อยสะดวกทำให้คอแห้งหิวน้ำได้

 อาหารแบบเปียก

ตัวอย่างอาหารแบบเปียก
(ชิ้นปลาในเจลลี่)
อาหารแมวแบบเปียกหรือที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า อาหารกระป๋อง แมวมักจะชอบอาหารชนิดนี้มากกว่าอาหารแบบเม็ด เพราะอาหารเปียกมีลักษณะใกล้เคียงกับอาหารปรุงเอง คือมีลักษณะเป็นน้ำและเนื้อนุ่ม โดยส่วนใหญ่มักประกอบไปด้วยเนื้อปลาหรืออาหารทะเล เช่น กุ้ง ปู หอยผสมในเจลลี่
การให้อาหารแมว
อาหารสด
       
 
อาหารยอดฮิตได้แก่ ปลาทูนึ่ง ไก่ย่าง(โดยเฉพาะตับไก่แมวจะชอบมากแต่ต้องระวังพยาธิ) แมวไม่ชอบข้าวที่แฉะเพราะจะติดฟันและเขี้ยวของมัน
อาหารแห้งสำเร็จรูป
        
การให้อาหารแห้งแมวต้องไม่ลืมที่จะเตรียมน้ำไว้ให้มันเสมอ แมวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างเลีอกกิน ดังนั้นอาหารที่ให้มันกินต้องมีกลิ่นหอม(สำหรับมัน)ไม่ว่าจะเป็น อาหารสดหรืออาหารแห้ง ยิ่งถ้าเป็นอาหารแห้งควรเทให้มันครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยๆ เพราะถ้าเททิ้งไว้นานๆ กลิ่นหอมจะหายหมด และในที่สุดอาหารเหล่านั้นก็กลายเป็น อาหารของหนูและแมลงสาปแทน ถ้าเป็นไปได้ควรให้อาหารสดสลับกับอาหารแห้งแก่แมว เพราะบางครั้งมันอาจจะเบื่ออาหารที่จำเจถ้าเราอยากเอาใจมันก็น่าจะลอง สับเปลี่ยนชนิดอาหารให้มันบ้าง
Categories:
เลี้ยงอย่างไรรู้ใจเหมียว
ตั้งแต่ยังเป็นลูกแมวจนเติบโตเต็มวัย แมวเป็นสัตว์ที่รักอิสระอย่างยิ่ง แต่ก็มีธรรมชาติที่น่ารักน่ากอด มันสะอาด ขี้เล่น และมีความเป็นส่วนตัว แมวจึงเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ สีหรือพันธุ์อะไร

คุณคงเคยเห็นสติ๊กเกอร์รถยนต์ที่ว่า “คุณเป็นเจ้าของหมา แต่แมวเป็นเจ้าของคน” แมวมีวิธีที่ทำให้เราไม่เข้าไปยุ่งกับมัน ซึ่งถ้าคุณคิดว่าคำพูดนี้ถูกต้องก็คงไม่แปลกอะไร

แต่ความจริงก็คือ แมวทุกตัวไม่ว่าจะมาจากสายพันธุ์ใดก็ย่อมต้องการเจ้าของที่มีความรับผิดชอบทั้งนั้น

ซึ่งข้อมูลที่ถูกต้องในคู่มือเล่มนี้ จะทำให้การดูแลแมวกลายเป็นเรื่องง่าย เก็บคู่มือเล่มนี้ไว้ให้ดี ในอนาคตคุณจะสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมโภชนาการ และการดูแลสุขภาพแมวได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ยังเป็นลูกแมวจนเป็นแมวชรา/สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองแทบไม่ได้เลยทีเดียว

คุณจะได้อ่านตั้งแต่การให้อาหารที่ครบคุณค่าสารอาหารและสมดุล การฝึกขับถ่ายให้เป็นที่ การดูแลตกแต่งขนและการขยายพันธุ์ หรือแม้กระทั่งการดูแลแมวสูงอายุ และควรจำไว้ว่า แม้ว่าแมวจะรักอิสระและพึ่งตัวเองได้เพียงไหน แต่ถ้าไม่มีคนดูแลที่จริงใจและเอาใจใส่อย่างคุณแล้ว มันก็อาจหลงทางได้ง่ายๆ เหมือนกัน
วิธีเลือกลูกเหมียวที่เหมาะกับคุณ
ไม่มีอะไรที่ดูน่ารักเท่าลูกแมวตัวน้อยอีกแล้ว มันน่ารักน่ากอดไปซะทุกตัว

แต่คุณก็คงไม่สามารถเอาแมวทุกตัวมาเลี้ยงที่บ้านได้ สิ่งแรกที่คุณต้องตัดสินใจไม่ใช่แค่ว่าจะเลือกตัวไหนดี แต่เป็นการตัดสินใจว่าคุณ...เหมาะที่จะเลี้ยงแมวหรือไม่

สิ่งที่สำคัญที่ควรจำไว้ให้ดีคือ แมวอายุยืนกว่า 20 ปี นานกว่าที่ลูกๆ ของคุณอยู่กับบ้านเสียอีก การเลี้ยงแมวสักตัวเป็นเหมือนพันธะสัญญาที่คุณควรรู้ให้หมดก่อนว่าต้องทำอะไรบ้าง ก่อนจะยอมรับพันธะสัญญานั้น...

ใครจะเป็นคนทำความสะอาดกระบะทรายแมว...ใครจะให้อาหารแมวเวลาคุณไปเที่ยวพักผ่านหลายๆ วัน...ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยง ไม่เพียงแต่ค่าอาหาร แต่ยังมีค่ารักษาพยาบาลเวลาพาไปหาสัตวแพทย์อีกด้วย

แต่ถ้ายังคิดว่าแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่เหมาะที่สุดอยู่ จะรอช้าอยู่ใย ตัดสินใจหามาเลี้ยงสักตัวหนึ่ง แต่จากที่ไหนดีล่ะ...ร้านขายสัตว์เลี้ยงที่มีชื่อเสียง ถึงสะอาดแต่ก็ราคาแพง หลายครั้งที่ลูกแมวที่เอามาขายก็อาจจะยังเล็กเกินไปยังไม่หย่านม นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องโรคติดต่อต่างๆ บางกรณีคุณอาจบอกตัวคุณเองจะบอกว่าคุณไม่คำนึงถึง ถ้าคุณจะได้เห็นลูกแมวตอนที่มันเคลียคลออยู่กับแม่ เรื่องทะเบียนประวัติหรือการรับรองสายพันธุ์นัก

คุณอาจจะลองฟังคำแนะนำ หรือถามๆ จากเพื่อนผู้รู้ของคุณดู หรืออีกทางหนึ่งไปตามสถานสงเคราะห์สัตว์ในท้องถิ่นหรือคลินิกสัตวแพทย์ เขาอาจจะมีลูกแมวที่ต้องการคนรับไปเลี้ยง ซึ่งเป็นโอการที่ดี หรือเห็นว่ามันทำอย่างไรเวลาที่ขับถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว

แต่ถ้าคุณต้องการลูกแมวที่มีใบรับรองสายพันธุ์ก็มีให้เลือกกว่า 100 พันธุ์ ลองดูจากหนังสือหรือนิตยสารสัตว์เลี้ยงหรือลองไปงานแสดงสัตว์เลี้ยงไปดูที่คอกเพาะพันธุ์แมวสักสองสามแห่ง หรือถ้าคุณอยากได้แมวประเภทขนยาวสลวย อย่าลืมว่าต้องแปรงขนให้มันทุกวัน เพื่อให้ขนอยู่ในสภาพดีและจะดีที่สุดถ้าจะเริ่มทำเป็นกิจวัตรให้มันเคยชินตั้งแต่ยังเป็นลูกแมว


ที่นี้มาดูกันว่า คุณอยากเลี้ยงแมวแบบไหนกันแน่


แมวที่โตแล้วก็ต้องการบ้านเหมือนกัน
ในขณะที่ลูกแมวมีความน่ารักที่สุด แต่ถ้าคุณยังอยากเลือกแมวที่โตแล้วมาเลี้ยง ก็มีข้อที่ควรคำนึงถึงเช่นกัน

แมววัยนี้หาได้ไม่ยาก แต่คุณต้องแน่ใจว่ามันได้รับการตรวจร่างกาย ได้รับการตอนและฉีดวัคซีนป้องกันโรคเรียบร้อยจากสัตวแพทย์มาอย่างดี นอกจากนี้คุณควรคำนึงถึงข้อรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ เช่น แมวตัวนั้นมีปัญหาสุขภาพส่วนตัวที่ต้องดูแลเป็นพิเศษหรือเปล่า

แมวที่โตมีข้อดีคือ มันจะคุ้นเคยกับการขับถ่ายในถาดถ่ายของแมว แต่มันก็ต้องการเวลาในการปรับตัวเหมือนกับลูกแมวเช่นกัน คุณจึงควรให้มันอยู่แต่ในบ้านในช่วง 2 สัปดาห์แรกที่นำมาเลี้ยง
Categories:
        แมว เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Felis Domesticus อยู่ในตระกูล Falidae ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับสิงโตและเสือดาว ต้นตระกูลแมวมาจากเสือไซบีเรียน ซึ่งมีช่วงลำตัวตั้งแต่จมูกถึงปลายหางยาวประมาณ 4 เมตร แมวที่เลี้ยงตามบ้าน จะมีรูปร่างขนาดเล็ก ขนาดลำตัวยาว ช่วงขาสั้นและจัดอยู่ในกลุ่มของประเภทสัตว์กินเนื้อเป็นอาหาร มีเขี้ยวและเล็บแหลมคมสามารถหดซ่อนเล็บได้เช่นเดียวกับเสือ สืบสายเลือดมาจากแมวป่าที่มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งลักษณะบางอย่างของแมวยังคงพบเห็นได้ในแมวบ้านปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นแมวพันธุ์แท้หรือแมวพันธุ์ทาง
        แมวเข้ามาเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน ซึ่งจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของแมวคือการทำมัมมี่แมวที่ค้นพบในสมัยอียิปต์โบราณ หรือในพิพิธภัณฑ์อังกฤษในกรุงลอนดอน มีการแสดงสมบัติที่นำออกมาจากปิรามิดโบราณแห่งอียิปต์ ซึ่งรวมถึงมัมมี่แมวหลายตัว ซึ่งเมื่อนำเอาผ้าพันมัมมี่ออกก็พบว่า แมวในสมัยโบราณทุกตัวมีลักษณะใกล้เคียงกัน คือเป็นแมวที่มีรูปร่างเล็ก ขนสั้นมีแต้มสีน้ำตาล มีความคล้ายคลึงกับพันธุ์ในปัจจุบัน ที่เรียกว่าแมว Abyssinian

ลักษณะเฉพาะของแมว

        แมวเป็นสัตว์เลือดอุ่นที่มีรูปร่างเพรียว มีหางยาว และบังคับหางได้ มีใบหน้าที่เรียวและโครงหน้าแหลมเช่นเดียวกับเสือและสัตว์อื่น ๆ ในวงศ์เดียวกัน เป็นสัตว์ที่มีเล็บแหลมคม และมีตาที่สามารถมองเห็นในเวลากลางคืนได้ดี แมวจะนอนหลับในเวลากลางวัน และตื่นในเวลากลางคืน

ประวัติแมว

        แมว มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Felis Catus นักชีววิทยาค้นพบว่า บรรพบุรุษของแมวถือกำเนิดขึ้นกว่า 50 ล้านปีมาแล้ว เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และกินเนื้อเป็นอาหาร เรียกว่า Miacis และได้วิวัฒนาการขั้นมาจนเริ่มมีลักษณะคล้ายแมวเมื่อ 10 ล้านปีก่อน มีขนาดและรูปร่างใกล้เคียงกับแมวป่าที่มีเขี้ยวขนาดใหญ่ เรียกว่า Dinistis
        ต้นตระกูลของแมวบ้านจริงๆ นั้น แยกออกมาจากตระกูลของ เสือไซบีเรียน และแมวพื้นเมืองต่างๆ ในปัจจุบันสายพันธุ์แมวถูกรวบรวมไว้ถึง 36 ตระกูล 51 ชนิด (รวมทั้งสิงโตและเสือต่างๆด้วย) ต่อมาถึงยุคอียิปต์โบราณ ประมาณ 4,000 กว่าปีก่อน พวกชาวนาได้นำแมวป่า (แมวพื้นเมืองของอียิปต์) มาฝึกให้เชื่อง เพื่อใช้จับหนูในโรงนาและเมื่อหนูในโรงนาหมดไป ก้อทำให้ผลิตผลและพืชพันธุ์มีความเสียหายน้อยลง ประชาชนก็มีอาหารอุดมสมบูรณ์ขึ้น และไม่มีโรคภัยที่เกิดจากหนูอีกด้วยชาวอียิปต์จึงนับถือแมวเป็นสัตว์เทพเจ้า ชาวอียิปต์นับถือเทพเจ้า "Bastet" (เทวีบัสเตต) ซึ่งมีตัวเป็นคน แต่มีหัวเป็นแมว เป็นเทพเจ้าแห่งความรัก และความอุดมสมบูรณ์ นอกจากชาวอียิปต์จะใช้แมวจับหนูในโรงนาแล้ว ยังใช้แมวจับหนูบนเรือสินค้าอีกด้วย ตรงจุดนี้ เลยเกิดความเชื่อว่า เมื่อเรือเทียบท่า แมวก็ลงจากเรือ แต่ไม่ได้กลับขึ้นเรือจึงทำให้แมวขนาดพันธุ์ไปทั่วโลก
        ชาวอียิปต์โบราณนั้นนับถือแมวถึงขนาดแมวในบ้านตาย ยังต้องนำไปทำมัมมี่เลย (มัมมี่คนจะทำเฉพาะราชวงศ์และขุนนางเท่านั้น) มัมมี่แมวสามารถหาดูได้ที่พิพิธภัณฑ์ในประเทศอังกฤษ ในเมื่อแมวเป็นสัตว์เทพเจ้าของอียิปต์โบราณ จึงมีกฎ หากใครฆ่าแมว จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก พวกที่ต้องการยึดครองอาณาจักรอียิปต์โบราณ จึงใช้วิธีชั่วร้าย "อุ้มแมวไปรบ" แล้วพวกทหารอียิปต์จะสู้ได้อย่างไร (เป็นส่วนหนึ่งของการรบอียิปต์ไม่ได้ล่มสลายเพราะแมว) แต่ถึงอียิปต์โบราณจะล่มสลายไปแล้ว ชาวอียิปต์ในสมัยก่อนยังนับถือบูชาแมวเหมือนเดิม ขนาดชาวโรมันบางคน (สมัยนั้นโรมันปกครองอียิปต์) ฆ่าแมวยังถูกพวกอียิปต์ลงโทษเลย
        ต่อมาเข้าสู่ยุคกลางในยุโรป มีความเชื่อเรื่องแม่มด และความชั่วร้ายต่างๆ ชาวยุโรปในยุคนี้กล่าวหาว่า แมวเป็นสัตว์เลี้ยงของแม่มด (โดยเฉพาะแมวดำ) ดังนั้นใครเลี้ยงแมว จะถูกประณามว่าเป็นแม่มดร้าย ยิ่งเป็นคนแก่เลี้ยงแมวยิ่งแล้วใหญ่ พวกนี้มักจะโดนเผาทั้งเป็น ทั้งคนและแมว ดังนั้นเมื่อแมวน้อยลง จึงทำให้มีหนูมากขึ้น ทำให้กาฬโรคระบาดหนักในยุโรปช่วงนั้น
        ในยุคใกล้ๆ กัน แถบเอเชียอย่างญี่ปุ่นกับจีน เริ่มเลี้ยงแมวกันมากขึ้นจากเดิมที่เคยเลี้ยงอยู่แล้ว และที่ญี่ปุ่นก็ยังใช้แมวเป็นสัญลักษณ์นำโชคอีกด้วย จะเห็นได้จาก "แมวกวัก" ที่ใช้กันตามร้านค้า จะใช้กวักลูกค้า หรือกวักเงินก็แล้วแต่ท่าทางของแมวตัวนั้น และที่จีนก็เชื่อว่า แมวเป็นสัตว์นำโชค เพราะว่าแมวจะเข้ามาอยู่ในบ้าน ก็ต่อเมื่อมันพอใจที่จะอยู่เท่านั้น เมื่อมันเข้ามาอยู่แล้วเจ้าของบ้าน มักจะมีโชคลาภมา
ใ        นประเทศไทยก็เริ่มมีการเลี้ยงแมวมา ตั้งแต่สมัยสุโขทัย เลี้ยงไว้เพื่อใช้จับหนูเหมือนกับชาวอียิปต์นั่นแหละ จนมีตำราแมวให้คุณ-ให้โทษ แมวไทยคู่แรกที่ออกจากประเทศไทย ไปสู่สายตาชาวโลก ถูกนำออกไปโดย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) ทรงประราชทานให้กับ Mr. Owen Gould กงศุลอังกฤษประจำกรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ. 2427 ซึ่งได้นำแมวคู่นี้ไปให้น้องสาวที่อังกฤษ แมวไทยคู่นี้เป็นแมววิเชียรมาศแต้มสีครั่ง และในปี พ.ศ. 2428 แมวไทยคู่นี้ถูกส่งเข้าประกวดในงานแมวที่ The Crystal Palace ณ ประเทศอังกฤษ ผลการประกวด ปรากฏว่า แมวไทยคู่นี้ชนะเลิศในการประกวด จากการประกวดครั้งน ี้ทำให้ชาวอังกฤษนิยมเลี้ยงแมวไทยมากขึ้น และได้จัดตั้ง The Siamese Cat Clubs ขึ้นในปี 2443 และ The Siamese Cat Society of the British Empire ขึ้นในปี พ.ศ. 2471 หลังจากที่แมวไทยคู่นี้ได้ทำเชื่อเสียง ในอังกฤษ ร.5 ทรงเห็นว่า แมวไทยเป็นสัญลักษณ์ ที่สามารถทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักของประเทศทั่วโลก จึงได้พระราชทานแมวไทย ให้กับประเทศเพื่อนบ้าน หลายประเทศ และจากสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำนั้น ทำให้แมวไทย และประเทศไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลกเลย

สายพันธุ์แมว

                                             เหมียวพันธุ์ไทย
        แมวไทยเป็นแมวพันธุ์แท้ที่สืบเชื้อสายมาจากแมวโบราณ ซึ่งได้รับการยกย่องว่า เป็นแมวพันธุ์ขนสั้นที่สวยสง่าที่สุดในโลก และแมวไทยยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารัก น่าเอ็นดู มีเสน่ท์ เป็นที่นิยมกันทั่วโลกอีกด้วย แต่คนไทยน้อยคนนักที่จะรู้ว่าแมวพันธุ์ไทยแท้มีรูปร่าง หน้าตาเป็นอย่างไร คนไทยส่วนใหญ่ต่างเข้าใจว่า แมวไทยที่พบเห็นกันอยู่ทั่วไปนั้นคือ แมวไทยพันธุ์แท้ทุกตัว ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเป็นแมวลูกผสมเกือบทั้งสิ้น
        ยังมีประเด็นอีกหลายๆ ประเด็นที่ได้ถูกคัดสรรมาให้ผู้รักแมวเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพโดยทั่วไปของแมว ปัญหาทางพฤติกรรมและการติดเชื้อ โภชนศาสตร์และภูมิคุ้มกัน เนื้องอกและโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
Categories:

แมวเปอร์เซีย


ประวัติความเป็นมาของแมวเปอร์เซียหิมาลายัน




ประวัติย่อ
ชาวเปอร์เซียได้รับการยอมรับและโด่งดังในฐานะผู้ขยาย พันธุ์แมวและได้เป็นผู้ตั้งรากฐานของการผสมพันธุ์แมวในยุคต้นๆ ซึ่งมีผลทำให้เกิดการพัฒนาของแมวหิมาลายันขึ้นมา วิวัฒนาการขั้นแรกๆของแมวเปอร์เซียเกิดขึ้นในที่ราบสูงเปอร์เซีย(ประเทศ อิหร่านและอิรักในปัจจุบัน) ซึ่งแมวที่มีขนยาวและนุ่มลื่นนี้ได้ถูกนำไปสู่ยุโรปโดยพวกฟินิเซียนและโรมัน ทำให้ชาวยุโรปต่างประทับใจกับมันมาก โดยเป็นเวลากว่าหลายปีแล้วที่แมวเปอร์เซียถูกขยายพันธุ์ไปเพื่อที่จะคงแมวขน ยาวนี้ไว้ไม่ให้สูญพันธุ์

ก้าวแรกของการพัฒนาแมวเปอร์เซีย หิมาลายัน นี้คือการผสมระหว่างแมวพันธุ์ไทยวิเชียรมาศกับแมวพันธุ์เปอร์เซีย ซึ่งต่อมาก็มีการขยายพันธุ์ลูกหลานเรื่อยๆเพื่อที่จะสร้างกลุ่มของแมวที่มี ขนยาวและมีลวดลายแบบ colorpoint-persian ขึ้นมา หลังจากนั้นก็ได้ถูกขยายพันธุ์กลับไปยังเปอร์เซียและทายาทของมันก็ถูกผสม ข้ามพันธุ์ หลายปีต่อมานักผสมพันธุ์ก็มีแมวที่มีลักษณะเฉพาะของแมวเปอร์เซียและมีสีแบบ colorpoint หลากสี เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วก้าวต่อไปก็เริ่มขึ้นโดยมีการยอมรับสายพันธุ์แมวนี้จาก องค์กรจดทะเบียน

ในประเทศอังกฤษ นาย Brian Sterling-Webb ได้พัฒนาให้แมวขนยาว colorpoint ของเขามีความสมบูรณ์เรื่อยๆตลอดช่วงเวลา 10 ปี โดยในปี 1955 เขาติดต่อกับ Governing Council of the Cat Fancy (GCCF) และขอให้มีการยอมรับแมวขนยาวสายพันธุ์ใหม่นี้  ด้วยการที่เขาและนักขยายพันธุ์คนอื่นๆ ได้เตรียมพร้อมสำหรับการอธิบายและปกป้องงานที่เขาได้ทำการพัฒนาสีใหม่นี้ ขึ้นมา ทำให้แมวขนยาว colorpoint นี้ได้รับการอนุมัติข้อเสนอและถูกยอมรับเป็นสายพันธุ์หนึ่งในประเทศอังกฤษ

ในอเมริกาเหนือ นาง Goforth ได้ทำการเสนอให้มีการยอมรับสายพันธุ์นี้ในระหว่างการประชุมประจำปีของ CFA ใน Washington , DC เมื่อ 18 ธันวาคม 1957 โดยนาง Goforth ได้คัดค้านว่าถึงแม้ว่าลักษณะทั่วไปของแมวหิมาลายันนี้จะบ่งชี้ถึงลักษณะของ แมวเปอร์เซีย แต่มันก็ไม่ใช่แมวเปอร์เซียโดยแท้ มันเป็นแมวขนยาวที่ถูกผสมพันธุ์ขึ้นมาใหม่ ด้วยแนวคิดนี้ ทำให้แมวเหล่านี้ได้รับการยอมรับและถูกจดทะเบียนขึ้นมาโดย CFA ซึ่งในขณะนั้นมีกฎในการยอมรับสายพันธุ์ใหม่ โดยที่ผู้ขยายพันธุ์ต้องแสดงให้เห็นถึงการขยายพันธุ์ของแมวหิมาลายัน นี้ 3 ช่วงยุค(Generation) เพื่อที่จะมีคุณสมบัติเหมาะสมกับการแช่งขันระดับ championship

ในทุกวันนี้ แมวหิมาลายันได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่ของแมวหิมาลายันนั้นไม่ตรงตามมาตรฐานของสายพันธุ์ ซึ่งเป็นไปตามลักษณะของแมวเปอร์เซีย นักขยายพันธุ์หลายๆ คนได้หยุดการผสมพันธุ์กับแมวเปอร์เซียนสีล้วน แต่กลับผสมพันธุ์แมว colorpoint กับแมว colorpoint กันเอง และส่งผลให้การพัฒนาแมวหิมาลายันนั้นมีลักษณะไม่ค่อยตรงกับมาตรฐานของสาย พันธุ์เปอร์เซียและในหลายกรณีที่แมวหิมาลายัน กลายมาเป็นแมวขนยาว colorpoint ที่มีจมูกยาวแทน

ในช่วงปี 1970 ผู้เลี้ยงแมวหิมาลายันได้เริ่มที่จะประเมินถึงเป้าหมายที่พวกเค้ากำลัง พยายามจะทำให้สำเร็จ ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนว่าพวกเขากำลังเอาจริงเอาจังกับการพัฒนาสายพันธุ์แมวให้ เป็นพันธุ์เปอร์เซียที่ดีกว่าเดิม พวกเขาเริ่มที่จะผสมแมวเปอร์เซียข้ามสายพันธุ์โดยใช้หลักการตามปกติ และนำลูกหลานมาใช้ในการขยายพันธุ์ต่อไปเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป ก็เริ่มมีแมวขนยาว colorpoint ที่มีลักษณะเปอร์เซียที่ดีกว่าปรากฏ แมวเหล่านี้ดูเหมือนแมวเปอร์เซียมากยิ่งขึ้น และในที่สุดมันก็สามารถที่จะแข่งขันกับแมวเปอร์เซียเพื่อขิงรางวัลชนะเลิศ ตามที่ปรารถนา

ดังนั้นจึงมีคำถามต่อมาว่า ถ้าแมวสายพันธุ์นี้ดูเหมือนแมวเปอร์เซีย และเป็นที่สามารถแข่งขันกับแมวเปอร์เซีย แล้วทำไมพวกมันจึงต้องแข่งขันในฐานะสายพันธุ์อื่น หลายๆคนเริ่มคิดถึงความเป็นไปได้ของการที่เราจะจัดแมวหิมาลายันเป็น Division หนึ่งของแมวเปอร์เซีย อย่างไรก็ตามยังมีคนบางกลุ่มที่ยังชอบในลักษณะของแมวหิมาลายันเก่าๆและแมว ของเขาไม่สามารถที่จะแข่งขันกับแมวอื่นๆในเวทีการแสดงได้ โดยมีบางส่วนในนี้ที่เริ่มจะเบนหนีจากการพัฒนาให้เป็นมาตรฐานของแมวเปอร์ เซียซึ่งเป็นลักษณะพื้นฐานที่แมวหิมาลายันในยุคปี 60 เป็นแบบนั้น หากคุณชำเลืองแมวหิมาลายันในการแสดงโชว์แมวในปัจจุบันก็จะเห็นว่าเป้าหมาย ของพวกเขานั้นยังไม่สำเร็จเลย และในปี 1987 Persian Breed Council ได้มีการให้ลงคะแนนว่า “ควรหรือไม่ที่จะให้แมวหิมาลายันในปัจจุบันจัดเป็น Division หนึ่งของแมวเปอร์เซีย”

แมววิเชียรมาศ





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


           ปากบนหางสี่เท้า         โสตสอง
           แปดแห่งดำดุจปอง     กล่าวไว้
           ศรีเนตรดั่งเรือนรอง     นาคสวาดิ ไว้เอย
           นามวิเชียรมาศไซร้     สอดพื้นขนขาว

           "แมววิเชียรมาศ" เป็นแมวไทยชนิดแรกที่ชาวต่างชาติรู้จักและตั้งชื่อว่า "Siamese Cat" หรือ “แมวสยาม” เป็นแมวไทยต้นตระกูล ที่นำไปปรับปรุงพันธุ์ได้แมวไทยอีกหลายสายพันธุ์ แมววิเชียรมาศเป็นแมวไทยโบราณ ในสมุดข่อยยกย่องให้เป็นแมวให้ลาภ ใครเลี้ยงไว้จะได้เป็นขุนนาง  ชื่อแมววิเชียรมาศ มีความหมายว่า "เพชรแห่งดวงจันทร์" หรือ "Moon Diamond" บางตำราก็เรียก "แมวแก้ว"

           ปัจจุบันคนไทย มักเข้าใจผิดเรียกว่า แมววิเชียรมาศ คือแมวชนิดเดียวกันกับ  "แมวเก้าแต้ม" เนื่องจากมีลักษณะและลวดลายคล้ายกันมาก แต่ที่จริงแล้ว "แมวเก้าแต้ม" เป็นชื่อของแมวไทยอีกชนิดหนึ่งที่สูญพันธุ์ไปแล้ว

ลักษณะประจำพันธุ์

           แมววิเชียรมาศ เป็นแมวที่มีแต้มสีน้ำตาลเข้มอยู่ 9 จุดบนตัว ได้แก่ ที่ปลายเท้าทั้งสี่ ปลายหูทั้งสอง ปลายหาง บนจมูก และที่อวัยวะเพศ เมื่อตอนยังเล็กจุดจะไม่ใหญ่มาก ลำตัวเป็นสีครีม แต่จุดจะขยายใหญ่ขึ้นตามอายุจนมีสีน้ำตาลเกือบทั้งหมด พันธุ์แท้จะต้องมีนัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายสดใส

           ขณะยังเป็นลูกแมวอายุน้อย สีขน0tออกสีครีมอ่อนๆ พอโตขึ้น สีจะเข้มขึ้นเป็นสีน้ำตาล (สีลูกกวาง) เป็นแมวพันธุ์แท้ตลอดกาล ไม่ว่าจะไปผสมกับแมวพันธุ์อะไรก็ตาม จะได้สีแต้มตามแบบ แต่รูปร่างไม่สง่างามเท่า และนิสัยต่างๆ จะไม่ตกทอดไปสู่ แมวลูกผสมด้วย เมื่ออายุมากขึ้นสีสันต่างๆ จะเข้มขึ้นตามลำดับ ในต่างประเทศ ได้นำ แมววิเชียรมาศนี้ ไปผสมกับแมวไทยบางพันธุ์ ได้แมวที่มีแต้มสีอื่นๆอีกหลายสี เช่น แต้มสีเทา สีแดง ลายสีกลีบบัว 

           ตา : นัยน์ตาเป็นสีฟ้าเปล่งประกายสดใส ในตอนที่ยังเล็กๆ จะมีขนสีครีมอ่อนๆ แต่ พอโตขึ้นขนจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหรือสีลูกกวาง ขนาดก็พอๆกับแมวไทยโดยทั่วๆไป ดวง ตาสีฟ้าชัดเจนนั้นจะมีลักษณะเหมือนตุ๊กตาจีน คือเอียงเข้าหากันลงไปทางปลายจมูก

           ขา : ช่วงขายางร่างระหง เท้าทั้ง 4 จะดูบอบบาง ด้านหลังจะยาวและยกสูงกว่าด้าน หน้าเล็กน้อย รูปเท้าจะเรียวแต่ฝ่าเท้าอวบ

           หาง : หางยาวเรียวลักษณะคล้ายหางเสือ แต้มตรงหางจะมีสีเข้มจากปลายหาง และ เริ่มจางลงเมื่อขึ้นมาถึงโคนสะโพd

           หัว : รูปศีรษะยาวได้สัดส่วนที่เหมาะสม ส่วนที่อยู่ตรงแนวระดับตาจะเป็นส่วนที่กว้าง ที่สุดจึงมองดูแล้วโหนก และจะค่อยๆแคบลงมาจนถึงปลายปากหรือคาง

           หู : ใบหูใหญ่ตั้งชัน ปลายใบหูจะค่อนข้างแหลม โคนหูกว้าง

           ขน : ลำตัวมีสีนวลหรือสีครีม แต่จะเข้มขึ้นบริเวณแผ่นหลัง ลักษณะของสีนั้นจะเข้ม ขึ้นตามอายุ เมื่ออายุยังน้อยๆสีก็จะเป็นสีครีมอ่อนๆ พออายุเริ่มมากขึ้นก็เข้มขึ้นเรื่อยๆจน ดูเป็นสีน้ำตาลทางใบหน้าจะเด่นมาก เพราะแต้มที่จุดอยู่ตรงปลายจมูกนั้นจะกว้างออกครอบ ทั่วบริเวณเหมือนกับสวมหน้ากากไว้ เส้นขนที่ปกคลุมมีลักษณะสั้น แต่เป็นเส้นละเอียดอ่อนนุ่ม และดกหนาแน่นมาก

           ลักษณะที่เป็นข้อด้อยของพันธุ์

           ขนยาวเกินไป มีแต้มสีไม่ครบทั้ง 9 แห่ง แต้มสีอื่นที่ไม่ใช่สีน้ำตาลไหม้ นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่นๆ ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นเกินไป (เมื่อยืนขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) ของขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

อาหารและการเลี้ยงดู

           ตอนกลางวันควรให้แมวอยู่อย่างอิสระในบ้านหรือนอกบ้านก็ได้ ตอนกลางคืนควรขังรวมกันไว้ในกรง กรงแมวต้องมีขนาดใหญ่ การเลี้ยงแมวในบ้าน แมวจะชอบขับถ่ายในที่ๆมีกลิ่นเหม็นหรือเป็นจุดอับ หากต้องการให้แมวขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง ควรเตรียมกระบะทรายหรือขี้เถ้าไว้ในบ้านด้วย สำหรับแมวตัวผู้ที่โตแล้ว จะขับถ่ายไม่เลือกที่ “วิถีแมวไทย” ในคอลัมน์นี้ท่านผู้อ่านจะได้เรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของแมวไทยในบ้านเรา ข้ามไปถึงความนิยม ความคาดหวังต่อแมวไทยจากมุมมอง ของชาวต่างชาติ ตลอดจนบันทึกประสบการณ์ของผู้เขียน ในระหว่างการก้าวเดินบนเส้นทางอันยาวไกลร่วมกับแมวไทย สายพันธุ์ “โคราช” ที่ผู้เขียนได้ลงมือพัฒนาสายพันธุ์ด้วย ตัวเอง และพยายามผลักดันให้ได้รับการยอมรับในระดับสากล ขอเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมออกเดินไปด้วยกันได้ในคอลัมน์ “วิถีแมวไทย” เริ่มตั้งแต่ฉบับนี้เป็นต้นไปครับ
แมวไทยโด่งดังและมีชื่อเสียงทั่วโลก แต่จะมีบรรดาผู้ที่รักแมวสักกี่คนที่รู้ถึงความเป็นมา ว่าจุดเริ่มต้นแห่งชื่อเสียงของแมวไทยนั้นมาจากไหน เริ่มจากอะไร คอลัมน์วิถีแมวไทย ฉบับนี้ขอเริ่มต้นด้วยการพาผู้อ่านทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามา ร่วมย้อนกลับไปเรียนรู้อดีตไปกับเรา เพื่อไปสู่ปฐมบท แห่งจุดเริ่มต้นของแมวไทยอีกครั้งครับ

ประวัติแมวไทย

มีหลักฐานในประวัติศาสตร์ซึ่งเกี่ยวกับการเลี้ยงแมวที่เก่าแก่ที่สุดในโลก นั่นก็คือ “มัมมี่แมว” ของประเทศอียิปต์ ซึ่งมีอายุมากกว่า 2,000 ปี แต่ไม่มีชาติใดๆ ที่บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรไว้เลย นอกจากประเทศไทยนั่นก็คือ “ตำราสมุดข่อย ทิ้ง 23 เล่ม” เป็นบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับแมวไทย ทุกสายพันธุ์ ซึ่งมีอายุมากถึง 700 ปี ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย จนกระทั่ง สมัยกรุงศรีอยุธยา ที่ไทยรบกับพม่าแล้วเสียกรุงทั้งสองครั้ง
เมื่อไทยเสียกรุงให้แก่พม่า ทางพม่าก็ได้กวาดต้อนผู้คนไปเป็นเชลยศึก รวมทั่งปล้นสะดมทรัพย์สินของมีค่า สัตว์พาหนะ ช้าง ม้า วัว ควาย ซึ่งรวมถึง แมว ก็ถูกกวาดต้อนกลับเมืองพม่ารามัญด้วย ในสมัยก่อนการเดินทาง ค่อนข้างยากลำบาก เสบียงค่อนข้างขาดแคลน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง สัตว์พาหนะที่นำติดตัวมาด้วยก็ถูกใช้เพื่อเป็นเสบียงในระหว่างทาง รวมถึงแมวไทยสายพันธุ์โบราณที่เดินทางร่วมกับขบวนนั้นด้วย อีกส่วนก็หลบหนี หายระหว่างการเดินทาง เป็นเหตุทำให้แมวไทยโบราณทั่ง 17 ชนิด หายสาบสูญไป
ครั้นพอมาถึงสมัยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็มีการกลับมาเลี้ยงแมวในวังอีกครั้งหนึ่ง และแมวที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเป็นการส่วนพระองค์ก็คือ “แมวขาวมณี” ส่วน “แมววิเชียรมาส” ก็เป็นแมวหลวงสำหรับเฝ้าวัง และขุนนางชั้นผู้ใหญ่เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เลี้ยงกันได้
เรื่องการค้นพบสมุดข่อยนั้น สมเด็จพุฒาจารย์ (นวม) ท่านเป็นผู้ค้นพบ และท่านได้พบเห็นแมวในบริเวณนั้นมีลักษณะที่ดีต้องตามตำรา จึงสั่งให้บรรดาลูกศิษย์ลูกหาช่วยกันล้อมจับไว้ แล้วนำไปเลี้ยงไว้ที่วัดอนงคารามวรวิหารซึ่งต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็นำแมวที่นี่ไปมอบให้แก่กงศุลจากประเทศต่างๆ
ส่วนที่มาของแมวทั่วๆ ไปที่สีสันไม่ต้องตามตำราก็คือ เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง บ้านเมืองฟื้นฟู แมวที่ต้องตามตำราสมุดข่อยโบราณนั้นมีค่าแสนตำลึงทองชาวบ้านจึงจับแมวป่า บ้างก็นำแมวที่ติดมากับเรือสำเภาจีน ซึ่งพ่อค้าชาวจีนนำมาใช้งานจับหนูบนเรือระหว่างการเดินทางนำไปขายในวัง เห็นไม่ต้องตามตำราก็ไล่กลับไป เมื่อนั้นแมวที่นำมาไม่มีค่าอะไร บรรดาชาวบ้านก็ปล่อยทิ้งให้สืบลูกสืบหลาน จนมาถึงปัจจุบัน
การ พัฒนาแมวไทย จะต้องเริ่มจากการพัฒนาระบบการเลี้ยงให้ดีขึ้น เลือกเฟ้นอาหารคุณภาพเกรดดี มีการทำวัคซีน สร้างมาตรฐานการส่งมอบ แมวสู่ลูกค้า การให้คำแนะนำอย่างจริงใจ ให้ความสำคัญกับการบันทึก ประวัติแมวเพื่อพัฒนาสู่เพ็ดดิกรีในระดับสากล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นมาตรการพื้นฐานที่ทุกฟาร์มควรทำ เพราะเป็นสิ่งที่ลูกค้าชาวต่างประเทศยอมรับ
เมื่อเราทำได้อย่างนี้ก็ เท่ากับเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับแมวของเรา ทำให้แมวของเราเป็นที่ต้องการมากขึ้น ส่งผลทำให้เราได้ราคาที่ดีมากขึ้น และเมื่อวันหนึ่งที่ชาวโลกต้องการแมวของเรามากขึ้น เมื่อนั้นคนไทยก็จะเข้าใจในคุณค่าของแมวไทยของดีแบบไทยๆ ที่เรามีมากขึ้น เชื่อเถอะครับว่า บรีดเดอร์และผู้ที่นิยมแมวไทยในต่างประเทศนั้นอยากได้แมวไทย จากมือคนไทย ถ้าแมวของเรามีมาตรฐานที่ดีพอ
ฉบับนี้ผมอาจจะกล่าวถึงเรื่องราว เกี่ยวกับแมวน้อยไปนิดนะครับ อย่างไรฉบับหน้าเราจะล้วงลึกถึงประเด็นที่ว่าทำอย่างไรแมวไทยจึงจะได้รับการ ยอมรับในระดับสากล ทำอย่างไรให้แมวไทยไปถึง CFA ได้ และที่ผมอยากฝากไว้สุดท้ายในฉบับนี้ คือ แมวไทยคือสิ่งสวยงามของชาติไทย ที่ชาติอื่นไม่มี เราควรจะรักษาไว้อย่าปล่อยให้หายไป สิ่งนี้คือรากเหง้าของเรา เปรียบดั่งต้นไม้แห่งชีวิต ที่สร้างรากฐานมายาวนาน ดูแลมันไว้เถิดอย่าให้มันหายไปเลย สวัสดีครับ
Categories:
แมวพันธุ์ต่างๆ


แมวไทย


แมววิเชียรมาศ


                                                     

แมวเปอร์เซีย
Categories: