อาหารสำหรับแมวและการให้อาหาร

Meo แมวเปอร์เซีย 1.5 kg. - คลิกที่นี่เพื่อดูรูปภาพใหญ่




 

  

Meo แมวเปอร์เซีย 1.5 kg.

รหัสสินค้า: 001688
ราคา 115.00 บาท
รายละเอียด: อาหารสำเร็จรูปชนิดเม็ด มีโอเปอร์เซีย มีคุณค่าทางสารอาหารครบถ้วนตามความต้องการของแมวเปอร์เซีย คัดสรรส่วนผสมที่มีคุณภาพดีที่สุดในการผลิตอาหารเพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงของแมว


สูตรป้องกันก้อนขนอุดตัน
แมวเปอร์เซียเป็นแมวที่มีขนยาว เวลาเขาเลียขนทำความสะอาดตัวเองอาจจะมีปัญหาการกลืนขนเข้าไปและเกิดก้อนขนอุดตันทางเดินอาหาร อาหารแมวมีโอ เปอร์เซียเป็นอาหารที่ช่วยลดการเกิดปัญหาดังกล่าวได้ เมื่อแมวได้รับประทานอาหารแมวมีโอ เปอร์เซีย ก้อนขนที่อุดตันทางเดินอาหารของแมว จะถูกขับออกมาพร้อมกับมูลในระหว่างการขับถ่าย จึงไม่ก่อให้เกิดปัญหาใดๆต่อระบบทางเดินอาหารของแมว

ดวงตาสดใส ไม่พร่ามัว
อาหารแมวมีโอ เปอร์เซีย เป็นอาหารแมวที่มีส่วนผสมของกรดอะมิโน ทอรีน ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นของแมวให้คมชัด สดใส

ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยอาหาร
อาหารแมวมีโอ เปอร์เซีย มีส่วนผสมของเยื่อใยที่ช่วยทำให้ระบบการย่อยอาหารของแมวดีขึ้น


สูตรป้องกันการเกิดนิ่ว
อาหารแมวมีโอ เปอร์เซีย ได้พัฒนาสูตรอาหารที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในแมว (Feline Lower Urinary Tract Disease)

อาหารแมว

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แมวกำลังกินอาหารแมว
อาหารแมว คืออาหารที่ผลิตหรือปรุงแต่งขึ้นให้แมวกิน ถึงแม้แมวจะเป็นสัตว์กินเนื้อประเภทหนึ่ง แต่อาหารแมวที่มีขายในท้องตลาดก็มีทั้งส่วนผสมของเนื้อสัตว์และพืช เพื่อเพิ่มวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารอื่นๆ การให้อาหารแมวอย่างถูกวิธีคือการให้อาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน และอยู่ในอัตราส่วนปริมาณที่พอเหมาะไม่มากหรือน้อยเกินไป

 

 สารอาหารหลักที่แมวต้องการ

 โปรตีน

มีอยู่ในเนื้อสัตว์ เนื้อปลาและถั่วต่าง ๆ แมวนำประโยชน์ของโปรตีนแต่ละชนิดไปใช้ได้มากน้อยต่างกัน โปรตีนมีความสำคัญต่อแมวเกี่ยวกับการเจริญเติบโต การสร้างแอนติบอดีสำหรับป้องกันเชื้อโรค ซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทำให้ขนงอก ตลอดจนสร้างเอนไซน์ต่าง ๆ เป็นต้น ลูกแมวที่กำลังเติบโตต้องการโปรตีนไม่น้อยกว่า 30 % ถ้าแมวได้รับอาหารที่มีโปรตีนต่ำกว่า 18 % จะเบี่ออาหาร

 คาร์โบไฮเดรต

แมวต้องการคาร์โบไฮเดรตซึ่งมีอยู่ในน้ำตาล แป้งและข้าวต่าง ๆ เพื่อเป็นกำลังในการเจริญเติบโต การผลิตน้ำนมและการทำงาน ความต้องการพลังงานของแมวขึ้นอยู่กับกิจกรรมของแมว เช่น แมวที่เคลื่อนไหว ทำงานวิ่งเล่น ย่อมต้องการพลังงานมากกว่าแมวที่นอนอยู่เฉยๆ

 ไขมัน

แมวต้องการไขมันสำหรับกำลังงานหรือแคลอรี่ประมาณ 8 % ไขมันให้กำลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรต 2 เท่าและไขมันยังมีกรดไขมันซึ่งมีความสำคัญต่อโภชนาการและการเจริญตามปกติของแมว แมวขาดกรดไขมันจะทำให้ผิวหนังแห้งและเจริญเติบโตช้า ถ้ามีไม่เพียงพอก่อให้เกิดอาการของโรคขึ้น นอกจากนี้ไขมันยังให้พลังงานเพื่อการเจริญเติบโตตลอดจนการต่อสู้ต่อความเครียด ความหนาว และถ้าขาดมากเกินไปอาจจะทำให้ตายได้

 วิตามิน

วิตามิน หมายถึง สารจำนวนน้อยที่สำคัญต่อชีวิต ดังนั้นการให้วิตามินมากเกินไปจึงไม่จำเป็นและมีโทษด้วยวิตามินมีอยู่หลายชนิด ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตและช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ อาหารแต่ละอย่างจะให้วิตามินแต่ละชนิดมากน้อยต่างกัน เช่น
วิตามินเอ ช่วยในการต้านทานโรค มีในเนื้อสัตว์ ตับ ไข่แดง น้ำมันตับปลา
วิตามินบี ควบคุมความสมบูรณ์ ให้กับผิวหนัง ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย ป้องกันโรคทางประสาท มีในไข่แดง นม ตับ
วิตามินซี ช่วยบำรุงรักษาผิวหนังและขน แก้โรคลักปิดลักเปิด มีในพืชผักผลไม้
วิตามินดี ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกายและกระดูก มีในน้ำมันตับปลา วิตามินดีที่มีมากและเพียงพอจะช่วยทำให้ธาตุแคลเซียมหรือฟอสฟอรัสที่ไม่ได้อัตราส่วนนั้นถูกนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้มากขึ้น
วิตามินอี มีความจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต การสืบพันธุ์และการผลิตน้ำนม ดังนั้นจึงควรให้วิตามินเหล่านี้แก่แมว โดยเฉพาะลูกแมว

 แร่ธาตุ

มีอยู่หลายชนิดด้วยกัน ช่วยในการสร้างกระดูก ฟัน และเลือด ช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ อาหารแต่ละอย่างก็ให้แร่ธาตุแต่ละชนิดมากน้อยต่างกัน แร่ธาตุที่สำคัญ คือ แคลเซียมและฟอสฟอรัส เป็นแร่ธาตุที่ช่วยเสริมให้กระดูกแข็งแรง ถ้าขาดไปจะทำให้แมวเป็นโรคกระดูกอ่อนโค้งงอ

 ชนิดของอาหารแมว

การเลี้ยงแมวตามบ้านส่วนใหญ่ของคนไทย ผู้เลี้ยงมักเลี้ยงแมวด้วยอาหารที่ปรุงขึ้นเองในครัว เช่น ข้าวคลุกปลาหรือไข่ต้มหรือน้ำแกงจืด ซึ่งแมวก็อยู่ได้ แต่ถ้าต้องการเลี้ยงอย่างดีเป็นพิเศษ ในบางครั้งอาจมีการเสริมอาหารประเภทเนื้อ นม เสริมให้กิน
สำหรับชนิดของอาหารแมวนั้น สามารถแบ่งออกได้ 3-4 ประเภท ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่สามารถซื้อหามาปรุงเอง อาหารสดหรืออาหารสำเร็จรูป ซึ่งอาหารเหล่านี้มีความแตกต่างกันไปในแง่ของรสชาด คุณภาพ ราคาและคุณค่าของอาหาร ซึ่งผู้เลี้ยงสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม

 อาหารปรุงเอง

การปรุงอาหารขึ้นเองนั้นเป็นเรื่องปกติสำหรับการเลี้ยวแมวทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าต้องการให้อาหารถูกส่วนถูกกับความต้องการของแมวควรปรุงให้ตรงตามสูตร อีกทั้งยังต้องมีความเข้าใจถึงหลักโภชนาการมาก่อน เพราะเป็นการปรุงอาหารให้ตรงตามที่แมวต้องการเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยากและค่อนข้างละเอียด ผู้เลี้ยงควรคำนวณทั้งอัตราส่วนและปริมาณของสารอาหารที่เหมาะสมตรงตามความต้องการของแมวในแต่ละวัย นอกจากนี้อาหารที่ปรุงเองจะมีรสชาดที่ไม่แน่นอน เช่น เค็ม หรือหวาน ซึ่งอาจไม่ถูกปากแมว บางครั้งอาหารอาจจะมีไขมันมากเกินไป ถ้าใส่ข้าวมากก็จะขาดวิตามิน ถ้าใส่เนื้อมากเกินไปก็จะได้รับโปรตีนเกินความจำเป็นส่งผลทำให้ย่อยยากกระเพาะต้องทำงานหนัก สิ่งเหล่านี้ต้องคำนึง

 อาหารสด

เป็นอาหารผสมเสร็จ หาชื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ราคาจะถูกกว่าอาหารสำเร็จรูปชนิดอื่นเล็กน้อย แต่มีข้อเสียคือต้องเก็บไว้ในช่องแช่แข็งตลอดเวลาเพราะเป็นอาหารสดจึงเสียง่าย ต้องซื้อบ่อย ๆ อาหารสดผสมเสร็จนี้บางชนิดก็มีคุณค่าทางอาหารครบ แต่บางชนิดก็มีไม่ครบ และนอกจากนี้อาหารผสมเสร็จยังมีคุณค่าทางอาหารน้อยกว่าอาหารสำเร็จ ก่อนนำมาให้แมวต้องปรุงให้สุกเสียก่อน

 อาหารสำเร็จรูป

อาหารแมวแบบแบ่งขาย
เป็นอาหารแมวที่มีจำหน่ายอย่างแพร่หลายทั่วไป โดยทั่วไปแล้วก็เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน ไม่ต้องกังวลเรื่องสัดส่วนอาหารเหมือนอาหารปรุงเองหรืออาหารสด อาหารสำเร็จรูปมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ แบบเป็นเม็ดและแบบเปียก

อาหารแบบเม็ด

ตัวอย่างอาหารแบบแห้ง
(อาหารเม็ด)
อาหารแมวแบบเป็นเม็ด หรือ อาหารแห้ง จะมีลักษณะเป็นเม็ดส่วนใหญ่มักมีลักษณะเป็นเม็ดกลม ๆ ประกอบด้วยธาตุอาหารและวิตามินแร่ธาตุต่าง ๆ ที่แมวต้องการอย่างเหมาะสม ส่วนประกอบของอาหารเม็ดโดยมากมาจากเนื้อสัตว์ ซึ่งได้ผ่านกระบวนการแปรรูป เช่น การบดและอบแห้ง มีคุณค่าของโปรตีนประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของแมวในการนำไปใช้สร้างความเจริญเติบโต นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบของไขมันที่ช่วยสร้างพลังงานและความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย มีวิตามินที่ช่วยให้แมวมันมีขนยาวสวยได้ ที่พิเศษคือมีไฟเบอร์ที่จะช่วยให้แมวท้องไม่ผูก นอกจากนี้อาหารแห้งยังมีประโยชน์ช่วยขัดฟันของแมวให้สะอาด เพราะเป็นเม็ดกรอบและการเคี้ยวอาหารแห้งก็เป็นการบริหารเหงือกให้แข็งแรงได้อีกด้วย
การให้แมวกินอาหารเม็ด ควรหัดให้กินตั้งแต่แมวยังเล็ก ๆ หลังอย่านมใหม่ ๆ หรือประมาณ 2 เดือน โดยผสมอาหารแห้งในน้ำนม เมื่อโตได้ประมาณ 3 เดือนจึงให้กินอาหารแห้งเพียงอย่างเดียว สำหรับแมวที่ไม่เคยกินอาหารแห้งมาก่อน การเปลี่ยนมาให้กินอาหารแห้งโดยฉับพลันอาจทำให้แมวท้องเสียได้ เพราะระบบย่อยของแมวนั้นอ่อนไหวและผิดปกติได้ง่ายมาก ฉะนั้นการให้อาหารแมวจึงต้องค่อย ๆ เปลี่ยนโดยสามารถนำอาหารเม็ดมาคลุกผสมกับอาหารเดิมที่แมวเคยกินที่ละน้อย หรืออาจผสมเข้ากับน้ำ นม หรือน้ำแกง เพื่อให้อาหารเม็ดนิ่มขึ้น เมื่อแมวเริ่มชินแล้วจึงเปลี่ยนมาเป็นอาหารเม็ดเพียงอย่างเดียว
สิ่งที่ควรคำนึงสำหรับการเลี้ยงแมวด้วยอาหารแบบเม็ด คือ ควรจะมีถ้วยใส่น้ำสะอาดตั้งไว้ข้างชามอาหารเพื่อให้แมวกิน เพราะว่าอาหารแห้งนั้นมีน้ำเป็นส่วนประกอบไม่เกิน 10 เปอร์เซนต์เท่านั้น เมื่อแมวกินอาหารแห้งจะกลืนไม่ค่อยสะดวกทำให้คอแห้งหิวน้ำได้

 อาหารแบบเปียก

ตัวอย่างอาหารแบบเปียก
(ชิ้นปลาในเจลลี่)
อาหารแมวแบบเปียกหรือที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า อาหารกระป๋อง แมวมักจะชอบอาหารชนิดนี้มากกว่าอาหารแบบเม็ด เพราะอาหารเปียกมีลักษณะใกล้เคียงกับอาหารปรุงเอง คือมีลักษณะเป็นน้ำและเนื้อนุ่ม โดยส่วนใหญ่มักประกอบไปด้วยเนื้อปลาหรืออาหารทะเล เช่น กุ้ง ปู หอยผสมในเจลลี่
การให้อาหารแมว
อาหารสด
       
 
อาหารยอดฮิตได้แก่ ปลาทูนึ่ง ไก่ย่าง(โดยเฉพาะตับไก่แมวจะชอบมากแต่ต้องระวังพยาธิ) แมวไม่ชอบข้าวที่แฉะเพราะจะติดฟันและเขี้ยวของมัน
อาหารแห้งสำเร็จรูป
        
การให้อาหารแห้งแมวต้องไม่ลืมที่จะเตรียมน้ำไว้ให้มันเสมอ แมวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างเลีอกกิน ดังนั้นอาหารที่ให้มันกินต้องมีกลิ่นหอม(สำหรับมัน)ไม่ว่าจะเป็น อาหารสดหรืออาหารแห้ง ยิ่งถ้าเป็นอาหารแห้งควรเทให้มันครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยๆ เพราะถ้าเททิ้งไว้นานๆ กลิ่นหอมจะหายหมด และในที่สุดอาหารเหล่านั้นก็กลายเป็น อาหารของหนูและแมลงสาปแทน ถ้าเป็นไปได้ควรให้อาหารสดสลับกับอาหารแห้งแก่แมว เพราะบางครั้งมันอาจจะเบื่ออาหารที่จำเจถ้าเราอยากเอาใจมันก็น่าจะลอง สับเปลี่ยนชนิดอาหารให้มันบ้าง

Categories:

One Response so far.

  1. Unknown says:

    https://www.tailybuddy.com/brand/37/%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B8%AD_%28Me-O%29

Leave a Reply